ปี 2565 นับเป็นปีที่โลกเผชิญกับความท้าทายจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ อันเกิดจากปัญหาเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมีนัย และสำหรับอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ในภาพรวมถือได้ว่าเป็นปีของการปรับฐานของตลาด ภายหลังจากที่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปี 2563-2564 เป็นผลให้มูลค่าตลาดเกมทั่วโลกในปี 2565 ปรับลดลงประมาณร้อยละ 4.3

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาของแอสเฟียร์ฯ ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับการเปิดตัวเกมใหม่ที่ผ่านมาถือว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามหากเทียบกับผลประกอบการของปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตทางด้านรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเพื่อเป็นการเสริมศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทให้ครอบคลุมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทฯ ได้กลับเข้าไปรุกตลาดเวียดนามอีกครั้งอย่างเต็มตัวด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยการเตรียมขยายขอบเขตจากธุรกิจเกมออนไลน์แบบดั้งเดิมไปสู่ธุรกิจด้านอื่น ๆ ผ่านการปรับโครงสร้างองค์กรออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์ กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies กลุ่มธุรกิจ MarTech และกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน โดยเริ่มเดินหน้าที่ธุรกิจกลุ่ม Blockchain & Innovation Technologies ได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรในกลุ่มบิทคับซึ่งเป็นผู้นำในตลาดคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบนิเวศด้านบล็อกเชนครบวงจรเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเกมในรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันและขยายธุรกิจให้กว้างขวางต่อไปในอนาคต

สำหรับปี 2566 บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะก้าวเดินในเส้นทางธุรกิจที่มีความหลากหลาย เพื่อมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Digital Technology ด้วยการขับเคลื่อนผ่านกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการให้บริการเกมออนไลน์เดิม หรือกลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies ที่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์ม Astronize และให้บริการเกมรูปแบบใหม่ในปีนี้ รวมถึงบริษัทฯ ยังมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีการตลาด (MarTech) และแพลตฟอร์ม Metaverse ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากบนโลกอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ในอนาคต และเพื่อให้ภาพลักษณ์ขององค์กรมีความชัดเจนและสอดคล้องกับกลยุทธ์และทิศทางใหม่ในอนาคต บริษัทฯ  จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Asphere Innovations Public Company Limited อันมีความหมายถึง Asiasoft (AS) ผนวกกับ Sphere ซึ่งหมายถึงโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น Asphere จึงมีนัยสื่อถึงเราพร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากภูมิภาคเอเชียและขยายขอบเขตธุรกิจที่จะสรรสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคตสู่ตลาดระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Serving the Infinite Future”

แม้ว่าในปี 2566 ยังเป็นอีกปีหนึ่งที่เราจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงหลากหลายรูปแบบ แต่เราเชื่อมั่นว่า ด้วยกลยุทธ์ การร่วมแรงร่วมใจ และความมุ่งมั่นสู่จุดหมายเดียวกันของทีมงานจะช่วยนำพาให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในท้ายที่สุด สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนและมอบความไว้วางใจให้แก่แอสเฟียร์ฯ ด้วยดีเสมอมา บริษัทฯ จะยึดมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยหลักบรรษัทภิบาลที่ดีโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม